เลือกสีเต็นท์อย่างไรถึงจะเหมาะกับเรา ?

เต็นท์แบบดั้งเดิม สีเขียว ที่เน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ดูแล้วสบายตา

การเลือกสีเต็นท์นั้นจะใช้ความชอบมาเลือกอย่างเดียวก็ดูจะกระไรอยู่ มันมีหลักวิชาของมันอยู่บ้างครับ นอกเหนือจากอารมณ์เวลาที่เรามองสีต่างๆ ที่เราคงเคยได้เรียนมาบ้างในวิชาศิลปะสมัยเรียนประถมหรือมัธยม ยกตัวอย่างอารมณ์ของสีหลักๆ ก็เช่น

สีแดง ให้ความรู้สึก ร้อนแรง โกรธเกรี้ยว ดุดัน ความหวาดกลัว พลังอำนาจ ความรัก ความมุ่งมั่น
สีส้ม เป็นสีผสมระหว่างสีแดงกับสีเหลือง ให้ความรู้สึก ของความสุข ความสำเร็จ ความดึงดูด ความมุ่งมั่น ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา
สีเหลือง เป็นสีที่ให้อารมณ์ ความสุข กระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น ความอบอุ่น
สีเขียว เป็นสีของธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ความปลอดภัย ความกลมกลืน ความสดชื่น
สีฟ้าให้ความรู้สึกที่ตรงข้ามกับแดง คือให้ความรู้สึกสงบเงียบ ให้ความรู้สึกว่าเชื่อใจได้ พึ่งพาได้ ความฉลาด ความมั่นใจ เป็นต้น
สีม่วง แสดงออกถึง ความสูงศักดิ์ เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ น่าติดตาม เร้นลับ
สีขาวให้ความรู้สึกของความบริสุทธิ์ สว่าง ความสมบูรณ์แบบ ความเปิดเผย
สีดำ ให้อารมณ์เยือกเย็น ลึกลับ สง่างาม แสดงออกถึงความเป็นทางการ

เต็นท์แนวแฟชั่น ลวดลาย สีสันสดใส

อย่างไรก็ตามสีที่จะใช้ในเต็นท์จะมองแค่ความชอบ ความสวยงามกับอารมณ์ก็คงจะกระไรอยู่ ผมขอแยกสีเป็น 2 โทน คือโทนมืดกับสว่าง สีที่เป็นโทนสว่างก็เช่น เหลือง ขาว เขียวอ่อน เทาขาว เป็นต้น ส่วนสีที่เป็นโทนมืด ก็ได้แก่ สีฟ้าเข้ม ดำ แดง ม่วงเข้ม เป็นต้น ทั้ง 2 โทนจะมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกัน ในเรื่อง

เต็นท์ Naturehike รุ่น Mongar 2 ขนาดสำหรับ 2 คน ผลิตมา 3 สี ให้เลือก คือ เทาขาว / เขียวโทนสว่าง / ม่วงโทนมืด

การมองเห็นได้ง่าย ปัจจุบันวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะใช้เต็นท์ที่มีสีสดมากขึ้น บางผู้ผลิตใช้สีสะท้อนแสงมาผลิตเป็นเต็นท์ ซึ่งก็จะมีข้อดีตรงความเด่น มองเห็นได้ง่าย สามารถเดินกลับเต็นท์ได้ง่าย แม้จะอยู่ในความมืด หรืออยู่ในป่า เพราะมองเห็นได้แต่ไกล ซึ่งสอดคล้องกับหน่วยกู้ภัยที่มักจะเสนอแนะให้ เลือกใช้สีที่สว่างเด่นและมองเห็นได้ชัดเจน ลองนึกภาพคุณกำลังรอให้เฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือมาสิครับ เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือภูเขาหิมะ แล้วมองลงมาด้านล่าง ถ้ามองลงมาเห็นเต็นท์สีเขียวเหมือนต้นไม้ ก็อาจจะมองผ่านไป แต่ถ้าเป็นเต็นท์สีแดงสดก็จะค้นหาทางอากาศได้ง่ายกว่าเยอะ

ความสว่างภายในเต็นท์ การเลือกใช้สีโทนสว่างจะมีผลในเรื่องของความสว่างในเต็นท์ที่มากกว่า ช่วยให้คนที่อยู่ข้างในเต็นท์มองเห็นได้ง่ายกว่าเต็นท์ที่เป็นสีโทนมืด ในขณะที่สีโทนมืดก็เหมาะกับการใช้เต็นท์เป็นทีี่หลับผักผ่อนได้ง่าย แม้ในเวลากลางวัน

การดูดกลืนความร้อน สีโทนสว่างจะช่วยสะท้อนความร้อนออกได้มากกว่าโทนมืด เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพอากาศร้อนมากกว่า ในขณะที่สีโทนมืดจะดูดซึมความร้อนได้มากกว่า เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศที่หนาวเย็น

แต่ละโทนสีก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง อยู่ที่ลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเดินทางผู้มีใจรักในธรรมชาติแล้ว จะนิยมใช้สีโทนมืดมากกว่า เนื่องจากการใช้สีโทนสว่าง โดยเฉพาะสีโทนสว่างที่สะท้อนแสงมากเกินไปนั้น จะส่งผลกระทบในเรื่องของสภาพแวดล้อม ซึ่งขัดกับปรัชญา Leave no trace (LNT) อันเป็นหลักปฏิบัติที่นักเดินป่าทั่วโลกยึดถือปฏิบัติกัน หลักการนี้บอกว่า การที่เราเข้าป่าหรือตั้งแค็มป์ตามอุทยาน ให้เราทำตัวเสมือนว่าตัวเราไม่เคยเข้าไปอยู่ตรงนั้น พูดง่ายๆ คือพยายามลดการรบกวนทางธรรมชาติให้น้อยที่สุด เพราะทุกอย่างที่เราทำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมด การเลือกใช้เต็นท์ที่สีจัด หรือสดจนเกินไป จะเป็นการสร้างมลภาวะทางสายตา แน่นอนว่ามีผลกระทบต่อนักเดินทางที่อยากจะปลีกวิเวกมาชื่นชมกับธรรมชาติ แสวงหาความสงบ คุณคงไม่อยากเดินป่าไปแล้วเจอเต็นท์สีสดจนแสบตามองเห็นได้แต่ไกลเป็นแน่แท้ นอกจากนั้นยังเป็นการรบกวนต่อสัตว์ป่าด้วย เพราะสัตว์ป่าก็สามารถมองเห็นสีที่แตกต่างจากสภาพธรรมชาติได้เช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผลิตเต็นท์ส่วนใหญ่ถึงมักจะทำสีเต็นท์ที่เข้ม เช่น เขียวเข้ม เทา น้ำตาล กัน ด้วยเหตุผลเพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับธรรมชาตินั่นเอง