แว่นกรองแสงจำเป็นสำหรับคนนั่งหน้าคอมหรือไม่

ปฎิเสธกันไม่ได้เลยว่า คอมพิวเตอร์ หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง สมาร์ตโฟน ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตมนุษย์เรา แม้แต่การทำงาน หรือการผ่อนคลายเอง หลาย ๆ คนก็จัดการได้ผ่านหน้าจอคอมฯ หรือหน้าจอสมาร์ตโฟน ทำให้ช่วงหลัง ๆ เราได้ยินถึงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยถนอมสายตาอย่างแว่นตัดแสงสีฟ้าที่มาจากจอคอมฯ หรือจอมือถือ เยอะมากขึ้น

แล้วสรุปเจ้าแว่นพวกนี้ช่วยได้จริงหรือเปล่านะ? มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยถนอมสายตาจากการใช้งานอย่างหนักจนไม่ต้องไปหาหมอเพื่อใช้ประกันสุขภาพได้บ้าง ไปหาคำตอบ ดีกว่า!

แว่นถนอมสายตา

แสงสีฟ้าคืออะไร มีจริงหรือเปล่า?

สำหรับ แสงสีฟ้า นั้น เราบอกได้เลยว่ามีอยู่จริง ถือเป็นหนึ่งในสามของแสงขาวจากแสง UV สามารถมองเห็นได้และมีพลังงานสูง โดย Blue light หรือ แสงสีฟ้า คือ ความยาวคลื่น (wave length) 380-480 nm โดยต้นกำเนิดของแสงสีฟ้า ส่วนมากมาจากดวงอาทิตย์ แสงแดดตามธรรมชาติ และส่วนน้อยที่อาจมาจากหลอดไฟฟลูออเรสเซ้น, LED, เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจอแบน ทีวี เครื่อง IT ทั้งหลาย โดยแสงสีฟ้าเอง นอกจากต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน ยังสามารถแบ่งได้ออกเป็นอีก 2 ประเภท คือ

แสงสีฟ้าที่ดี จะช่วยทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมาช่วยทำให้เรากระฉับกระเฉง รู้ว่าเวลาไหนควรนอน เวลาไหนควรตื่น เรียกง่าย ๆ ว่า “นาฬิกาชีวิต” ที่ทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกตินั่นเอง

แสงสีฟ้าที่เป็นโทษ อยู่ในช่วงคลื่นที่ 415-455 nm จะเป็นแสงที่ส่งผลเสียทำให้จอประสาทตาค่อย ๆ เสื่อมลงได้ ส่งผลเสียโดยตรงกับดวงตา ทำให้มีอาการตาล้า และหากรับในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำลายเซลล์รับแสงในจอประสาทตา ส่งผลต่อการสูญเสียการมองเห็นได้

โดยสรุปแล้ว แสงสีฟ้านั่นมีอยู่จริง และเป็นอันตรายต่อร่างกายเราได้ หากได้รับในปริมาณที่มาก ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ในปัจจุบันเราจะพบเจอแสงสีฟ้าได้บ่อยมากที่สุดในกลุ่มคนวัยทำงาน หรือกลุ่มคนที่จำเป็นต้องใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือใช้จอโทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานาน ๆ

ถึงแม้จะมีรายงานว่า แสงสีฟ้าอาจทำลายเซลส์รับรู้การเห็น แต่ก็มีแพทย์ได้ออกมาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ไม่ต้องตกใจมากจนเกินไป เพราะโดยธรรมชาติ ดวงตาคนเราจะมีกระบวนการป้องกันจอตาจากแสงสีฟ้าอยู่แล้ว ทำให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ค่อยได้ใช้หน้าจอ ก็ไม่จำเป็นต้องมีแว่นกรองแสงหรือแว่นตัดแสงสีฟ้ามากขนาดนั้น นอกจากนี้ยังมีรายงานทางการแพทย์ระบุไว้ว่า และยังไม่ยืนยันแน่นอนว่าแสงสีฟ้าเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือหากเป็นผู้ที่มีปัญหาจอตาเสื่อมอยู่แล้ว การมีแว่นตัดแสงสีฟ้า หรือการเลือกใช้จอคอมฯที่สามารถตัดแสงสีฟ้าได้ก็จะช่วยถนอมสายตาได้ดี

อาการแบบไหนบ้าง? ที่ควรเริ่มพกแว่นถนอมสายตา

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองควรมีแว่นดั่งกล่าวติดตัวไว้หรือเปล่า? คุณอาจจะประเมินจากอาการดั่งต่อไปนี้

มักมีอาการแสบตา อาการตาแห้ง มีอาการคันตา หรืออาการเคืองตาบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือหากใครมีอาการตาแดงแล้วเป็นคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ากำลังมีปัญหาจากแสงสีฟ้าได้

มีอาการตาพร่ามัว มองเห็นจุดดำตรงกลางสายตา ภาพตรงกลางไม่ชัด

มองเห็นภาพซ้อน มักพบในคนที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมฯ นาน ๆ ติดต่อกันโดยเฉลี่ย 3.5 ชั่วโมง/วัน ขึ้นไป ทำให้สายตาใช้งานมาก รับแสงมาก ส่งผลต่อการเสื่อมของจอประสาทตา

การจ้องคอมพิวเตอร์นาน ๆ อาจส่งผลให้เกิดเกิดอาการเมื่อยตา ปวดกระบอกตา บางรายถึงกับปวดตาเรื้อรังลามไปถึงปวดศีรษะได้

มีอาการตากระตุก มักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อตามากเกินไป

ตาสู้แสงไม่ไหว มองเห็นผิดปกติไปเมื่ออยู่ในที่สว่างจะรู้สึกไม่สบายตา เคืองตา มีน้ำตาไหลออกมา

ซึ่งอาการเหล่านี้มักมีจุดร่วมมาจากการใช้งานดวงตาที่มากเกินไป ร่วมกับการอยู่หน้อจอคอมพิเตอร์เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเกิดอาการดั่งกล่าวได้ ดังนั้นหากรู้ตัวว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการใช้เวลาอยู่หน้าจอนาน ๆ การพกแว่นตัดแสงสีฟ้าจะช่วยถนอมสายตาได้ในระดับหนึ่ง

จริงอยู่ที่แว่นถนอมสายตา หรือแว่นตัดแสงสีฟ้า จะช่วยให้คุณอยู่กับหน้าจอคอมฯได้นานมากขึ้น ลดอาการตาเมื่อยล้าได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่ากันลม กันโรคแทรกซ้อน เพิ่มความชุ่มชื่นของตาแต่อย่างใด เพราะแว่นตาเหล่านี้ เป็นเพียงแว่นถนอมสายตาเพื่อไม่ให้อาการแย่ลง ไม่ใช่ยารักษาโรค คุณยังคงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตา หรือยังต้องพบแพทย์อยู่ดี

นอกจากนี้ อาการที่เกิดขึ้นกับดวงตาไม่ได้เกิดจากแสงสีฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่บางครั้งอาจมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น สภาพอากาศ, การพักผ่อนให้เพียงพอ, การทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือดื่มน้ำเพียงพอ, มีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นไหม? หรือแม้แต่อายุเอง ก็มีอาจมีส่วนให้อาการผิดปกติต่อดวงตาได้

ดังนั้น การหมั่นดูแลดวงตา จึงเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เช่น การดูแลรักษาดวงตาด้วยการพักสายตาทุก 15 นาที หรือหมั่นหลับตาสัก 10-30 วินาที แล้วค่อยหันมาทำงานต่อกัน ก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรละเลย หรือแม้แต่พฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ, การทานอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามินบำรุงสายตา ควบคู่ไปด้วย จะช่วยคุณได้มากกว่าแค่การใส่แว่นถนอมสายตาอย่างเดียว

ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติในด้านการมองเห็น การพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่สำหรับใครที่กังวลถึงค่าใช้จ่าย การมีประกันสุขภาพดี ๆ สักเจ้า ที่เบิกเคลมได้ไม่ยุ่งยาก จะช่วยให้คุณหมดกังวลกับปัญหาเหล่านี้ได้