ประกันอุบัติเหตุแม้จะคุ้มครองได้ครอบคลุม แต่ประกันอุบัติเหตุก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้างตามบริษัท ทั้งอัตราการจ่ายเบี้ยประกัน หลักเกณฑ์ของผู้เอาประกัน รวมถึงวงเงินที่ทางบริษัทจะจ่ายให้คุณได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
มาดูกันว่าหลักการในการทำประกันอุบัติเหตุนั้นต้องดูที่อะไร และควรเลือแบบไหนให้เหมาะกับคุณที่สุด
อายุ
แม้ในปัจจุบันเราจะสามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือสามารถทำให้ลูกหลานได้ แต่ยังมีบางกรมธรรม์ที่จำกัดอายุผู้เอาประกันอยู่ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่อายุ 15 – 60 ปี
ดังนั้นก่อนจะซื้อก็ควรที่จะตรวจสอบกรมธรรม์ให้ถี่ถ้วนก่อน
แต่ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องรอให้อายุเยอะมากแล้วถึงจะทำประกัน โดยเฉพาะประกันอุบัติเหตุนั้นสามารถทำได้ทันทีเมื่อมีเงื่อนไขครบตามกรมธรรม์ เพื่อเป็นการรองรับความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
อาชีพ
อาชีพ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักสำหรับการเลือกประกันอุบัติเหตุเสมอมา โดยทางบริษัทประกันจะมีการแบ่งอาชีพออกเป็น 4 ขั้นตามความเสี่ยง ดังนี้
อาชีพขั้นที่ 1: ได้แก่ กลุ่มอาชีพที่ทำงานประจำในสำนักงาน หรือพื้นเป็นหลัก เช่นพนักงานบริษัท ผู้บริหาร นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ค้าที่ทำงานประจำหน้าร้าน
อาชีพขั้นที่ 2: ได้แก่ กลุ่มอาชีพที่มีการทำงานกลางแจ้ง เช่น ช่างฝีมือ วิศวกร สถาปนิก หรือกลุ่มคนที่เน้นการควบคุมดูแลงาน เช่น หัวหน้าคุมงานต่างๆ
อาชีพขั้นที่ 3: ได้แก่ กลุ่มอาชีพด้านช่าง เช่นช่างยนต์ ช่างไม้ ผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรกลหนัก รวมถึงผู้ใช้แรงงาน
อาชีพขั้นที่ 4: ได้แก่ กลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่นช่างไฟฟ้า นักแสดงผาดโผน หรือสตันท์แมน
สาเหตุที่ต้องมีการแบ่งอาชีพเช่นนี้ พราะความเสี่ยงรูปแบบต่างๆ นั้นจะเกี่ยวข้องกับวงเงินคุ้มครองโดยตรง โดยเฉพาะอาชีพขั้นที่ 3 และ 4 จะมีโอกาสเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุสูง ดังนั้นผู้ที่ประกอบอาชีพเหล่านี้จะมีเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายสูงกว่าอาชีพอื่นๆ
การใช้ชีวิต
แม้อาชีพจะไม่เสี่ยง แต่การใช้ชีวิตประจำวันอาจจะตรงกันข้าม ดังนั้นในการเลือกประกันภัยต้องดูว่านิสัยกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของตัวเอง หรือคนที่จะซื้อประกันให้เป็นแบบไหน
หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยเดินทางหรือใช้ชีวิตบนท้องถนนมากนัก วันหยุดมักจะอยู่บ้านเพื่อผ่อนคลาย ปลูกต้นไม้ ดูทีวี ใช้ชีวิตแบบมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุต่ำ อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ประกันอุบัติเหตุที่มีวงเงินคุ้มครองสูงมากเกินไป
แต่ถ้าหากว่าการใช้ชีวิตของคุณมีความเสี่ยงสูง เช่น ต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานระยะไกลทุกวัน ชอบไปเที่ยวป่าหรือขึ้นเขา อาจจะต้องใช้ประกันที่มีวงเงินสูง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในทุกๆ ด้าน
รายได้
เมื่อกล่าวถึงการทำประกัน ถ้าจะไม่พูดถึงเรื่องเงินคงเป็นไปไม่ได้ หากคนส่วนใหญ่มีการใช้ชีวิตประจำวัน หรือความเสี่ยงในอุบัติเหตุไล่เลี่ยกัน สิ่งที่จะเป็นตัวแปรในการเลือกประกันอย่างสุดท้ายคือรายรับรายจ่าย
เนื่องจากประกันภัยนั้นคือหนึ่งในการบริหารเงิน และการฝึกวินัยทางการเงินของตัวเอง ดังนั้นคงไม่ดีนักหากมีการทำประกันภัยที่ไม่เหมาะสมกับรายได้ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นประกันในวงเงินที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปก็ตาม
ทำไมวงเงินน้อยเกินไปถึงเกิดปัญหา? อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ว่าสิ่งไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมันจะดีกว่าหรือไม่ถ้าหากมีทุนทรัพย์แล้วทำการลงทุนความปลอดภัยกับประกันอุบัติเหตุ เพื่อเป็นการป้องกันและกระจายความเสี่ยงล่วงหน้า